เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑ ธ.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


เวลาโยมเรียกร้อง เรียกร้องอยากได้ที่ที่พอใจ พอใจๆ แล้ว ถ้าเราไปที่ไหนแล้ว ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรมๆ สัจธรรมคือสัจจะความจริง สัจจะความจริงมันเหนือทุกๆ คนไง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ นะ

เวลาแสดงธรรมขึ้นมา พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม เหตุและผล ดีหรือชั่ว คนนี่ขอให้รู้จักผิดชอบชั่วดีเท่านั้นแหละ ผิดชอบชั่วดี แล้วสิ่งใดที่มันบาปอกุศล สิ่งที่ไม่ดีงาม เราจะไปทำมันทำไม

เพราะเวลาหลวงตาท่านสอนนะ ไปกว้านเอาฟืนเอาไฟมาเผาตัวเองไง

คำว่า “ไปกว้านเอาฟืนเอาไฟมาเผาตัวเอง” มันบาปกรรมทั้งนั้นน่ะ

เวลาทางโลกมีการขัดแย้งกัน เราเป็นผู้ชนะๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสนะ สร้างเวรสร้างกรรมทั้งนั้นน่ะ

เห็นไหม เวลาจิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันเกิดตามเวรตามกรรม ตามเวรตามกรรมคือการกระทำของเราทั้งนั้นน่ะ ไม่มีใครทำให้ ไม่มีใครมาชี้นำ ไม่มีใครส่งเสริม มันเป็นที่การกระทำของเราเองไง

ถ้าเป็นที่การกระทำของเราเอง อวิชชาความไม่รู้ทำไปแล้ว ทำมากี่ภพกี่ชาติแล้วก็ไม่รู้ว่าทำอะไรมาบ้าง แล้วสิ่งนั้นน่ะพันธุกรรมของจิตๆ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์ๆ ทำแต่คุณงามความดีนะ พระโพธิสัตว์สร้างแต่คุณงามความดีๆ พอสร้างคุณงามความดีขึ้นมา เวลาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะออกประพฤติปฏิบัติกับฤๅษีชีไพรทั้งหลาย ๖ ปีสมบุกสมบันมากับเขา คนที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองขนาดไหนในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปศึกษากับเขาทั้งนั้น พอศึกษามาแล้วมันไม่ใช่ ศึกษามาแล้วไม่ใช่ตรงไหน ไม่ใช่ที่มันยังแก้กิเลสเราไม่ได้ไง

เวลามันแก้กิเลสเราไม่ได้ เรามีความลังเลสงสัย ดูสิ ไฟสุมขอนๆ ไฟสุมขอนในหัวใจไง เวลาความโลภ ความโกรธ ความหลง ไฟที่เราเห็นได้ไง เวลาไฟมันพัดเผาบ้านเผาเรือน ไฟป่า เราเห็นได้หมดเลย

ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไอ้ไฟสุมขอนน่ะ ไฟสุมขอนในหัวใจ อวิชชาๆ ไฟสุมขอน ไฟสุมขอนมันอยู่ที่จิตนั้นไง

จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วมันก็สุมขอนนั้นมาน่ะ จะมั่งมีศรีสุขขนาดไหนมันก็มีทุกข์มียากของมันทั้งสิ้น มันทุกข์มันยากเพราะไฟมันเผาหัวใจ ถ้าไฟมันเผาหัวใจ สิ่งที่ไฟมันเผาหัวใจ สิ่งที่เป็นสัจธรรมๆ เรามาวัดมาวากันระดับของทาน ระดับของทานเราเสียสละแล้ว เสียสละเพื่อบุญกุศลของเรา เพื่อบุญกุศล

มีคนมาถามมาก เวลาทำบุญกุศลแล้วอุทิศกันไม่ได้ๆ

ทำไมมันจะไม่ได้ สายบุญสายกรรมน่ะ ในทางกฎหมาย ถ้าพ่อแม่ผิดแล้ว ถ้าลูก บางทีกฎหมายมันไปถึงลูก แล้วนี่สายบุญสายกรรม สายบุญสายกรรม มันมีสายบุญสายกรรมกันมา อภิชาตบุตร บุตรที่ดีกว่าพ่อกว่าแม่ มาแล้วสร้างเสริมตระกูลให้มั่นคงแข็งแรงขึ้นมา ถ้ามีเวรมีกรรมต่อกัน จะพูดจะสอนอย่างไรมันก็ไม่ฟังหรอก

แล้วมันสอนอย่างไรไม่ฟังแล้วนะ แล้วความเป็นพ่อเป็นแม่กัน มันก็แบมือๆ มีเท่าไรก็ต้องให้มันหมด ที่ดิน บ้านเรือน ขายหมดเลย ให้มันไป ให้มันไปเพราะอะไร เพราะมันเป็นลูกไง แต่เวลามีความขัดแย้งกันในทางสังคม ไม่ได้ๆ แต่เวลามาเกิดเป็นลูกเป็นหลานกัน ได้ทั้งนั้นน่ะ นี่ไง เวลากรรมมันให้ผลๆ ไง แล้วกรรมให้ผลมันมาจากไหนล่ะ

เวลามันมา มันมาจากการกระทำทั้งสิ้น เวลาการกระทำ กรรมมันให้ผลๆ ถ้ากรรมมันให้ผล เห็นไหม ครูบาอาจารย์ของเราท่านสอนไง หลวงตาท่านเน้นย้ำเลยนะ ใครจะดี ใครจะชั่วมันเรื่องของเขา เราจะทำความดีว่ะ

เราจะทำความดีด้วยสติปัญญาของเรา เรามีสติปัญญา มีสติสัมปชัญญะยับยั้ง ยับยั้งความโลภ ความโกรธ ความหลงที่มันกระพือในหัวใจของเรา ถ้ามันยับยั้งไม่ได้ มันจะผิดมันจะพลาดไปก็เรื่องธรรมดา เราไม่ใช่พระอรหันต์น่ะ เราเป็นปุถุชน มันก็ต้องมีการผิดพลาดเป็นธรรมดา

แต่เวลาผิดพลาดแล้ว มาบวชเป็นพระ เราคบบัณฑิตๆ ไง มาบวชเป็นพระ เป็นสมมุติสงฆ์ สมมุติสงฆ์เวลาทำอะไรผิดพลาดไป สาธุ สุฏฺฐุ สาธุ สุฏฺฐุ ปลงอาบัติ นี่มันมีการปลงอาบัติไง

แต่บอกจะไม่ให้ผิดเลย พระที่บวชแล้วทำอะไรไม่ผิดเลย มันเป็นไปได้อย่างไร เรามีกิเลส เรามีความไม่รู้ เรารู้เท่าไม่ถึงการณ์น่ะ เราไม่รู้สิ่งนั้น เราทำผิดพลาดไปไง

อาบัติ ทำเพราะผิดพลาด ทำเพราะไม่รู้ ทำเพราะสงสัย ไม่รู้ก็ผิด สงสัยก็ผิด

เวลาสงสัยแล้วเขาไม่ทำ สงสัยแล้วเขาจะถามครูบาอาจารย์ นี้ทำได้หรือทำไม่ได้ ถ้าสงสัยแล้วอย่าทำ เพราะทำไปแล้ว เพราะความสงสัย แล้วทำโดยกิเลสตัณหาความทะยานอยากที่มันเร้าจนเราทนไม่ได้ ทำไป แล้วถ้ามันผิดพลาด ผิดพลาดก็ปลงอาบัติ เว้นไว้แต่ครุกาบัติ อาบัติที่มันรุนแรงก็ตาลยอดด้วน ตาลยอดด้วน

ในวงทั่วไป “ก็ตาลยอดด้วน ก็เป็นอะไรไป ตาลยอดด้วนก็เป็นตาลน่ะ ทำความผิดก็สุมไว้ในใจ” นี่คิดแบบวิทยาศาสตร์ คิดแบบโลก เราทำเราก็หมักหมมไว้ไง

แต่ถ้าเราเป็นพระปฏิบัตินะ การจะเอาชนะตัวเอง ตัวเองมันต้องมีกำลัง การจะเอาชนะเราน่ะ แล้วเราทำผิด ทำสิ่งใด เวลาไปนั่งภาวนามันมาหมดน่ะ

เราทำสมาธิ เป็นสมาธิได้ไหม เราหลอกคนอื่นได้หมดน่ะ หลอกตัวเองไม่ได้ ใครมันจะหลอกตัวเองได้ หลอกตัวเองไม่ได้หรอก เวลาหลอกตัวเองไม่ได้ เวลานั่งไปแล้วนะ อู้ฮู! มันดีดมันดิ้นในใจ มันดีดมันดิ้นแล้วมันทุกข์ไหม

นี่ไง มันถึงบอกว่า สิ่งที่ว่ามันเป็นอาบัติชั่วหยาบแล้วเราปิดไว้ มันเผาลนอยู่นั่นน่ะ มันเผาลนอยู่ในใจนั่นน่ะ

เว้นไว้แต่พระอรหันต์ พระอรหันต์นะ สิ่งนี้เข้าไม่ถึงธรรมธาตุอันนั้น เพราะธรรมธาตุอันนั้นมันหดสั้นเข้ามา ตั้งแต่สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส พิจารณากาย ความเห็นกายทำถูกต้องชอบธรรม

เราเห็นกายด้วยความไม่ถูกต้องชอบธรรม เราจะให้ร่างกายอยู่กับเราตลอดไป เราจะให้เป็นคนแข็งแรง คนมั่นคงขนาดไหน ไม่มีทาง มันชราคร่ำคร่าเป็นเรื่องธรรมดาของมัน คนที่ประพฤติปฏิบัติแล้ว จิตสงบแล้วยกขึ้นสู่วิปัสสนา สักกายทิฏฐิ ทิฏฐิในกาย ยึดมั่นถือมั่นในกายเป็นของเรา

กายมันเป็นธรรมชาติอันหนึ่งที่มันเกิดขึ้นมา มันอยู่ที่คนที่เกิดมาแล้วเขามีสุขภาพที่ดี เขามีสติปัญญาที่ดำรงชีพ ดำรงชีพที่ดี ร่างกายมันก็แข็งแรงของมันเป็นธรรมดา จะแข็งแรง จะพิการขนาดไหน มันก็ต้องตายเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเรื่องธรรมดาของมัน แต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเรา ต้องเป็นตามความพอใจของเรา นั่นน่ะทิฏฐิผิด

เวลาภาวนาไปแล้ว จิตที่มันมีสติมีปัญญาขึ้นไปแล้วมันพิจารณาของมัน มันละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ ปฏิฆะอ่อนลง กามราคะ ปฏิฆะขาดไป รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา สังโยชน์อันละเอียดที่มันอยู่ในหัวใจน่ะ

รูปราคะ อรูปราคะ ฌานสมาบัติต่างๆ นี่เป็นราคะๆ เพราะคนที่มันทำได้แล้วมันยึดมั่นถือมั่นว่ามันเก่ง มันแน่ มันว่าเป็นสมบัติของมัน สังโยชน์อันละเอียด พอละเอียด นี่ไง ที่ว่ามันเป็นตัวตนที่ความไม่รู้ในใจของมันไง

แล้วเวลามันทำลาย รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชาในหัวใจมันหมดสิ้นไปแล้ว พอหมดสิ้นไปมันเป็นธรรมธาตุ เข้าไม่ถึงหรอก เข้าไม่ถึงอันนั้นเด็ดขาด ถ้ามันถึงอันนั้นมันไม่ใช่เป็นพระอรหันต์ มันไม่สิ้นกิเลส เพราะมันยังสืบเนื่องต่อเนื่องกัน ถ้ามันต่อเนื่องกันอยู่ มันไม่ใช่ แต่ถ้ามันเป็นเอกเทศ นี่ไง เหนือโลก เหนือสงสาร เหนือวัฏฏะ พ้นไปแล้ว

เว้นไว้แต่พระอรหันต์เท่านั้น สิ่งที่ไม่แผดไม่เผา ไม่แผดไม่เผา เพราะความไม่แผดไม่เผา ท่านร่มเย็นเป็นสุขของท่านแล้ว ท่านถึงแสดงออกถึงความเป็นจริงอันนั้น

ถ้ามันไม่มีความจริงอันนั้นแสดงออก เห็นไหม หลวงตาท่านสอน ติดเรา เรายังมีทิฏฐิมานะ มีความเห็นของเรานะ แล้วพูดไปแล้ว ทิฏฐิ พอพูดไปแล้วมันมีความขัดแย้ง พันธุกรรมของจิตไม่เท่ากัน มันต้องมีการเห็นต่างทั้งนั้นน่ะ เวลามันเห็นต่างขึ้นมา ไอ้คนพูดชักมีอารมณ์นะ เออ! มึงไม่เชื่อกูหรือ มึงไม่เชื่อกูหรือ

ใครเขาไปเชื่อ กาลามสูตร พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้เชื่อ วุฒิภาวะต่ำต้อยเขาไม่รู้เรื่องอะไรกับมึงหรอก วุฒิภาวะปานกลางเขาก็พอฟังได้ วุฒิภาวะที่เขาพ้นไปแล้ว เขารู้ได้ว่าถูกหรือผิด ไม่ต้องไปเชื่อหรอก เขามีวุฒิภาวะจะตรวจสอบมึงน่ะ ตรวจสอบไอ้คนพูดน่ะ ไอ้คนที่แสดงธรรมนั่นน่ะว่าเอ็งมีธรรมจริงหรือเปล่า ไม่ต้องให้ใครมาเชื่อ

ความเชื่อมันแก้กิเลสไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีความเชื่อ ความเชื่อคือศรัทธา ศรัทธาความเชื่อนี้ชักนำให้เราสำนึกในตนเอง ในตนเองเพราะอะไร เพราะเรามีทุกข์มียาก เราจะแสวงหาทางออก

คนที่ไม่สำนึกตนเองมันไม่หาทางออก เพราะอะไร เพราะมันเป็นทางออกของโลก เป็นทางออกของคนอื่นไง แต่หัวใจเรามันมืดมันบอด มันไม่มีทางออก มันไม่ศึกษา มันไม่ค้นคว้า มันไม่มีการกระทำ มันจะพาดวงใจดวงนี้ให้พ้นไปได้อย่างไร

แต่ถ้าเรามาทำบุญกุศลของเรา เรามีศรัทธามีความเชื่อ เราแสวงหา ไอ้ตัวตนของเรา จิตใจของเรามาศึกษามาค้นคว้า พอมาศึกษามาค้นคว้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าจะค้นคว้า ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ

เราก็พยายามทำคุณงามความดีกันมา สร้างบุญกุศล มีศีลมีธรรมกันขึ้นมา มีศีลมีธรรมขึ้นมาเพื่อความสงบระงับเข้ามาในใจของตน เวลาเข้ามาในใจของตน สัมมาสมาธิ พอสัมมาสมาธิขึ้นมาแล้ว สัมมาสมาธินี่ตัวตนของเรา พอตัวตนของเรายกขึ้นสู่วิปัสสนา ยกขึ้นสู่วิปัสสนา นี่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป

แต่สรรพสิ่งในโลกนี้มันเป็นวิทยาศาสตร์ มันเป็นอนิจจัง มันมีของมันอยู่โดยดั้งเดิมใช่ไหม กล้องมันก็มีของมันอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวก็ไปชาร์จไฟ แล้วก็มาถ่ายอยู่อย่างนี้ มันทำของมัน อนิจจังมันวนเวียนอยู่อย่างนั้นน่ะ นี่เป็นสสาร เป็นเรื่องของโลกไง เป็นวิทยาศาสตร์ที่ทุกคนเข้าใจไง

แต่อนัตตาทุกคนไม่รู้จัก รู้จักแต่ตำรา แล้วเอาตำรามาโม้ด้วยนะ ตำรามาโม้

ตำรานี้เป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ของมึงไม่มี ถ้าของมึงมีนะ ในใจนั้นจะสงบระงับ ในใจนั้นยิ่งใหญ่นัก ยิ่งใหญ่แบบพ่อแม่ดูแลลูก พ่อแม่เมตตาลูกนะ อยากให้ลูกได้ดี อยากให้ลูกเป็นคนดีทั้งสิ้น

ธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ สัตว์ที่มันเลวร้าย สัตว์ที่มันทำลายเขา ก็พยายามให้มันระงับ ให้มันปล่อยวางอันนั้นซะ แล้วถ้าสัตว์ที่มันมีสติปัญญาของมัน มันพยายามทำความสงบของใจเข้ามา

แค่ทำความสงบเท่านั้นแหละ พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พอจิตสงบแล้ว สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี พอสุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีนะ พอมันค้นถึงจิตสงบแล้ว เฮ้ย! มันไม่เคยมีอย่างนี้เลย ทรัพย์สมบัติจะมีกองมหาศาล มันก็ไม่เป็นอย่างนี้ ทรัพย์สมบัติต่างๆ มันเริ่มไว้ที่โลกนี้แล้ว เราจะค้นคว้าใจของเราๆ เพราะมันมีค่ามากกว่านั้น มันมีค่ามากกว่านั้นนะ

พอมันยกขึ้นสู่วิปัสสนา บุคคล ๔ คู่ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ มันเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป มันมหัศจรรย์ๆ มันมหัศจรรย์ขึ้นมาโดยความเป็นจริง โดยการภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนา

สาธุ ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้วเป็นวิธีการ เป็นการชี้นำ มันไม่ใช่สมบัติของเรา

สาธุ ถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระพุทธศาสนา ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่มีธรรมวินัย ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พวกเราจะไม่ได้มาเป็นชาวพุทธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด แต่ก็เป็นสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง แต่ถ้าเราฝึกหัดขึ้นมามันเป็นของเรา

นี่มันมหัศจรรย์ มหัศจรรย์ในใจ เห็นไหม บุคคล ๔ คู่ บุคคล ๔ คู่ มันรู้จัก มันรู้มันเห็นขึ้นมามันจะรู้ว่า โอ้โฮ! เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง เวลาพญามารทำลายบัลลังก์ในการภาวนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นางตัณหา นางอรดี ลูกสาวของมัน ครอบครัวของมันน่ะ มันมหัศจรรย์ขนาดไหน เวลาเราปฏิบัติไป เราเห็นของมัน เราฆ่าหลานมัน ฆ่าพ่อมัน ฆ่าปู่มัน ฆ่าเป็นชั้นๆ ขึ้นไป มันมหัศจรรย์ๆๆ นี่สมบัติของชาวพุทธไง

พระพุทธศาสนายิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่อย่างนี้ ยิ่งใหญ่ที่ว่ามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรม เราประพฤติปฏิบัติ เราแสวงหาคุณธรรม ถ้าธรรมนี้มันเข้ามาในใจของเราแล้ว ไม่ต้องไปเชื่อ ไม่เชื่อใครหรอก เขาไม่เชื่อใคร

เป็นพระโสดาบันไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ประพฤติปฏิบัตินอกศีลนอกธรรม พระโสดาบันอย่างน้อยนะ ไม่ปฏิบัตินอกศีลนอกธรรม แล้วศีลนี้จะชัดเจนมาก เพราะอะไร เพราะเขาต้องการเป็นสกิทาคามี อนาคามี สิ้นกิเลสไป

ไม่ใช่พระโสดาบันละทิ้งศีลไป ไปอยู่กับโลก ละทิ้งศีลไป ไปอยู่กับโลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เห็นแก้วแหวนเงินทองมีค่ากว่าคุณธรรมในหัวใจอันนั้น ชื่อเสียงกิตติศัพท์กิตติคุณ ไร้สาระ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาตรัสรู้ธรรมแล้วเทศนาว่าการได้ยสะ ได้ปัญจวัคคีย์ ได้ยสะ ภิกษุทั้งหลาย เธอกับเรา ๖๐ องค์ พ้นจากบ่วงที่เป็นโลก บ่วงที่เป็นโลก

บ่วงที่เป็นทิพย์ ชื่อเสียงกิตติศัพท์กิตติคุณ การสรรเสริญเยินยอ เป็นทิพย์ ทิพย์เพราะอะไร เพราะเป็นนามธรรม นามธรรมตั้งแต่เทวดา อินทร์ พรหม

บ่วงที่เป็นโลกและบ่วงที่เป็นทิพย์ เธอพ้นหมดแล้ว อย่าไปซ้อนทางกัน โลกนี้เร่าร้อนนัก

เร่าร้อนไหม หัวใจมีสุขดีหรือ ในบ้านทะเลาะกันหรือเปล่า แล้วต่อไปข้างหน้าจะเป็นอะไร ชีวิตนี้มันคืออะไร เกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม แล้วเกิดมาอยู่ไปเพื่ออะไร แล้วตายแล้วจะไปไหน...ภาวนาไป รู้หมด

จิตนี้มาจากไหน บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ ตายแล้วไปไหน อาสวักขยญาณชำระล้างกิเลสสิ้นไปจากจิต ไม่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ไม่เป็นบุพเพนิวาสานุสติญาณ ไม่เป็นจุตูปปาตญาณ แล้วไม่ไปไหนทั้งสิ้น

อาสวักขยญาณทำลายอวิชชา ทำลายความไม่รู้ในใจของตน สติพร้อมสมบูรณ์ เป็นสติวินัย สมบูรณ์แบบในใจของตน โลกมันก็อยู่ของมันอย่างนั้นน่ะ

โลกนี้เร่าร้อนนัก เร่าร้อนเพราะเขาคลุกคลีอยู่กับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก

เธออย่าไปซ้อนทางกัน เธออย่าไปซ้อนทางกันด้วยการดำรงชีพ

พระอัสสชิแค่บิณฑบาต พระสารีบุตรยังเห็นคุณค่า ตามไปๆ ไปฟังจนเป็นพระโสดาบัน

เธอไม่ต้องไปดิ้นรนดิ้นพราดๆๆ อยากให้เขาเคารพศรัทธา ไม่ต้อง เธอดำรงชีพของเธอไป สิ้นกิเลสแล้ว มันร่มเย็นในใจแล้ว อยู่ของเธอไป ชาวโลกเขาเห็นเอง ชาวโลกเขาแสวงหาพ้นจากบ่วงที่เป็นโลก ไม่ต้องไปดีดไปดิ้น ไปดิ้นพราดๆๆ เห็นไหม พ้นจากบ่วงที่เป็นโลก

แล้วทั้งพ้นจากบ่วงที่เป็นทิพย์ เทวดา อินทร์ พรหมของเขาสุขเป็นทิพย์สมบัติของเขา เขาหมดอายุขัยของเขา เขาก็ต้องสิ้นกิเลสของเขาไป เขาก็ต้องตายของเขาไป ถ้ามันเป็นไปได้ เราไม่เป็นสถานะอย่างนั้น

เธอพ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและบ่วงที่เป็นทิพย์

ฉะนั้น สิ่งที่เป็นจริงๆ เป็นจริงอย่างนั้น พระพุทธศาสนามันสำคัญอย่างนั้นไง

แต่ของเราเป็นชาวพุทธไง ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มาเถียงกันปากเปียกปากแฉะไง ใครถูกใครผิดไง

ผิดทั้งหมดเลย ถ้าไม่เถียงน่ะถูก เงียบ ค้นคว้าหาใจของตน หาความสุขความทุกข์ในใจนี้ ดูแลรักษาหัวใจของตน แล้วจะเห็นความอัศจรรย์ สัจธรรมในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา เอวัง